Tuesday, November 18, 2008

:: u n z e e n :: "พระ"ที่ถูกมองข้าม"

[]

"พระ"ที่ถูกมองข้าม"

 

มีชนบทแห่งหนึ่งในประเทศจีน ตั้งอยู่เชิงเขา เป็นภูมิประเทศที่สงบ

อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ ธัญญาหาร มีลำธารใสไหลผ่านหมู่บ้าน

ต้นไม้ทุกต้นใบสดเขียวขจี ในทุ่งนาก็สะพรั่งด้วยต้นข้าวที่ชูรวงเป็นสีทอง

ตัดกับท้องฟ้าสีคราม มองไปทางไหนก็ชื่นฉ่ำเจริญตา

 

ชาวชนบทส่วนใหญ่มีอาชีพออกไปทำไร่ทำนา

ผู้อยู่เรือนก็ปั่นฝ้ายทอผ้า ต่างมีความสุข มีฐานะมั่นคง

 

เหนือขึ้นไปบนยอดเขามีกุฏิพระภิกษุจำศีลภาวนา

เชิงเขามีกระท่อมน้อยหลังหนึ่ง เป็นที่อยู่ของสองแม่ลูก

แม่นั้นแม้อายุจะย่างเข้าสู่วัยชรา

แต่นางยังแข็งแรงพอที่จะรับจ้างเขาทำงานเลี้ยงลูกได้

บุตรของนางเป็นเด็กรุ่นหนุ่มใหญ่ ไม่เอาการเอางาน

ดื้อด้านไม่เชื่อฟังถ้อยคำมารดา

ไม่สนใจความเหนื่อยยากของแม่ที่ตรากตรำทำงานหนัก

เอาแต่เที่ยวเล่นสนุก ถึงกระนั้นนางก็รักเขาสุดสวาทขาดใจ

คอยเอาอกเอาใจมิให้อนาทร

 

วันหนึ่งเขาแลเห็นเพื่อนกราบพระพุทธรูป

ก็นึกในใจว่าการที่เพื่อนเขามีฐานะดี คงเป็นเพราะหมั่นกราบไหว้พระ

 

เย็นวันนั้นเขาจึงขึ้นไปบนเขา

เข้าไปนมัสการขอพระพุทธรูปจากพระภิกษุที่พำนักอยู่บนยอดเขา

เพื่อเอาไปไว้บูชาที่เรือน หวังจะได้มั่งคั่งเหมือนคนทั้งหลาย

 

พระภิกษุได้ฟังก็กล่าวว่า

"ฟังก่อน เหม็ง เจ้าจะแก้จนด้วยการกราบไหว้พระนั้น

ไม่สำเร็จดอก ป่วยการเปล่า ในเมื่อที่เรือนของเจ้าก็มีพระอยู่แล้ว

จงเคารพบูชาท่านเถิด เจ้าจะจำเริญ"

 

เหม็งได้ฟังก็ฉงนอุทานว่า

"ที่บ้านของกระไม่เคยมีพระสักองค์ กระผมยากจนนักหนา

จึงอยากได้ไปไว้บูชากับเขาบ้าง"

พระภิกษุยังคงยืนกรานว่า

"กลับไปเถิดเหม็ง พระเฝ้ารออยู่ที่บ้านแล้ว กลับถึงบ้านคืนนี้

เมื่อเจ้าเคาะประตูท่านจะออกมาเปิดรับเจ้าอย่างรีบร้อน

ผลีผลามเสียจนใส่รองเท้ากลับข้าง เสื้อที่สวมก็กลับด้านนอกอยู่ด้านใน"

 

เหม็งได้ฟังดังนั้นก็สนเท่ห์ยิ่งนัก นมัสการพระภิกษุ

รีบกลับฝ่าลมหนาวและละอองน้ำค้างมาตลอดทาง

กว่าจะถึงบ้านก็เปียกโชกไปทั้งตัว

 

ทันทีที่เขาเคาะประตูกระท่อม ผู้ที่เปิดประตูรับเขา

ก็คือมารดาของเขานั่นเอง

เหม็งสังเกตุเห็นนางสวมรองเท้ากลับข้าง เสื้อที่ใส่ก็กลับ

พอเห็นลูกชาย นางก็เอ่ยขึ้นว่า "เหม็ง...ลูกหายไปไหนมา

แม่เป็นห่วงกลัวลูกจะไปเป็นอันตราย แม่ตั้งตาคอยตั้งแต่หัวค่ำจนดึก

อ้าว นั่น...ลูกเปียกปอนไปหมดทั้งตัว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย

แล้วไปผิงไฟที่หน้าเตา เจ้าหิวไหม แม่จะไปเอาข้าวมาให้กิน"

 

กระแส เสียงที่หลั่งออกมานั้นนุ่มนวลนัก

เปี่ยมด้วยความรัก ความห่วงใย ความเมตตาปราณีที่บริสุทธิ์ใจ

เขาหวลระลึกถึงคำพระภิกษุบนยอดเขา ก็ประจักษ์แจ่มแจ้งในบัดนั้นเองว่า

พระที่อยู่ใกล้ตัวมาแต่อ้อนแต่ออก แต่เขาเองละเลยไม่เคยเอาใจใส่

แม่เท่านั้นที่จะเสียสละให้ลูกได้ทั้งชีวิตและเลือดเนื้อ

มุ่งหวังแต่จะให้ลูกมีความสุขความเจริญ แม่เป็นผู้มีแต่ให้

ไม่หวังสิ่งตอบแทน ตัวเรานี่สิ มีแต่จะเอาท่าเดียว

 

นับแต่นั้นมาเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ อันเงียบสงบร่มเย็น

และบำเพ็ญตนอยู่ในโอวาท เทิดทูนเคารพบูชามารดาของเขา

เหนือสิ่งอื่นใดๆ ในโลก

No comments: