Monday, September 24, 2007

:: u n z e e n :: ขับรถผ่านโค้ง ระวังๆ กันหน่อย

[]

[J][A][A]

~ Unzeen Mailing List ~
Knowledge and Entertainment
Join this group, go to website ' http://groups.google.com/group/unzeen '
or send blank e-mail to ' unzeen-subscribe@googlegroups.com '

อดีตอันแสนหวาน






เรื่องทั้งหมดเกิดเมื่อ วันที่ 18 สค  เนื่องจากได้วันหยุด 4วัน จึงตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดกระบี่
โดยเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพ เมื่อ 12.00 ไปทางเส้นเพชรเกษม เพื่อลงใต้
และได้เดินทางไปถึง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 18.00
จุดเกิดเหตุคือ บริเวณ โค้งสายชล ซึ่งเป็นโค้งสุดท้าย ก่อนถึงศาลพ่อตาหินช้าง





ซึ่งก่อนที่จะมาถึงโค้งนี้ ผมได้ขับเร็วมาโดยตลอด (150+) เนื่องจากเป็นเส้นทางตรงยาว
แต่เมื่อเข้าบริเวณโค้ง ผมได้ชลอรถเพื่อประคองรถเข้าโค้ง ความเร็วช่วงก่อนถึงโค้งประมาณ 80-90 km/h
โดยในจังหวะที่อยู่กลางโค้ง ผมเห็นว่าโค้งยังอีกยาว(ยาวกว่าที่คิด) และความเร็วของรถผมก็เริ่มตก จึงเร่งเครื่องมาที่ความเร็วประมาณ 100 km/h เพื่อหนีโค้ง
ซึ่งจากการกะโดยสายตา ลักษณะของโค้งเป็นโค้งกว้าง ผมจึงมั่นใจว่า ยังสามารถควบคุมรถได้อยู่
และระหว่างเข้าโค้ง ผมได้เกาะเลนในตลอด เพื่อที่จะรอจังหวะตัดออกเลนนอก เมื่อออกโค้ง



ทันใดนั้น จังหวะที่กำลังจะออกจากโค้ง ท้ายรถผมเกิดปัดไปทางซ้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ
รถผมเริ่มเสียหลัก และหน้ารถผมเริ่มทิ่มลงคูข้างทาง
ซึ่งผมได้พยามเหยียบเบรค และหมุนพวงมาลัยเพื่อประคองรถ แต่รถรถสะบัดแรงจนไม่สามารถประคองรถได้
ทำให้รถผมปัดลงข้างทางในลักษณะ ที่ไม่สามารถควบคุมรถได้



โดยการคว่ำ จากคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า
รถผมลงคูในลักษณะ ใช้ข้างรถลง (เหมือนรถดริฟ)
และหน้ารถได้ทิ่มลงไปในคู ทำให้ท้ายรถสบัด และพลิกคว่ำประมาณ2รอบ จนไปหยุดอยู่ที่ขอบกั้นทางของอีกฝั่ง

นี่คือจุดที่รถเริ่มไถลลงข้างทาง


จะเห็นรอยลากมาเป็นทางยาวจากขอบถนน ด้านขวาของรูป


ผมซึ่งอยู่ในรถหลังจากการคว่ำ ผมนั่งในลักษณะ ห้อยหัว
จึงปลดสายเข็มขัดนิรภัย และพยามถีบประตูเพื่อออกมานอกรถ
โดยระหว่างที่ถีบประตู สังเกตุได้ว่าเครื่องยังติดอยู่ จึงดับเครื่องเพื่อความปลอดภัย











หลังจากนั้น หน่วยกู้ภัยและตำรวจก็มาถึง ผมจึงได้ถามตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบัน เพื่อแจ้งบริษัทประกัน
ระหว่างรอประกัน พี่พนักงานกู้ภัยเล่าว่า รถที่เข้าโค้งนี้ ถ้าไม่ส่ายลงคู ก็ชนกัน บ่อยมาก
โค้งนี้จึงถูกเรียกว่า โค้งสายชล
บางครั้ง ตกลงข้างทาง 4คัน รวดก็มี

โดยสาเหตุหลักคือ ถนนลื่น ยิ่งหลังฝนตก อันตรายมาก
และเนื่องจากมีรถบรรทุกวิ่งบ่อย จึงมีการยุบตัวของผิวถนน โดยเฉพาะ ในช่วงปลายโค้ง
หากคนไม่ชำนาญเส้นทาง มักคิดว่าเป็นโค้งกว้างๆธรรมดา จึงค่อนข้างขับกันเร็ว
จนมาเจอกับจุดที่ถนนลื่น หรือ ตกรอยผิวถนน ทำให้รถกระเด้งตัวตอนออกจากโค้ง ท้ายรถจึงปัด

หลังจากนั้น ก็รอจนประกันมา และช่วยกันกับพี่ๆทีมกู้ภัย เพื่อพลิกรถ และให้รถยกมาลากไป
และนี่คือสภาพรถ เมื่อไปถึงอู่ของวิริยะ

















จากการตรวจสอบเบื้องต้น
ผู้ขับขี่ คือผม การบาดเจ็บ มีแค่ข้อมือขวาซ้น จากการสบัดของพวงมาลัย

และสภาพรถ เหล็กคานหน้ายุบมาถึงตัวเครื่อง แต่เครื่องและคอนโซล ไม่เสียหาย





พี่ประกันแจ้งว่า สภาพอาจจะซ่อมได้ แต่ต้องมาคุมราคากันก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที
และหากต้องการซ่อมที่กรุงเทพ ต้องจ่ายค่ารถยก50% (ประกันออกให้50%)

ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมได้คุยๆกับอาจารตุ๋ย แห่ง mitsu sport ไปบ้างแล้ว อาจจะได้ใช้บริการกับอาจารนะคับ (หากผมไม่ตัดใจขายซากไปซะก่อน)

กว่าจะเสร็จเรื่องก็เกือบสี่ทุ่ม ผมจึงนั่ง บขส กลับมากรุงเทพก่อน โดยจะโทรสอบถามสรุปการคุมราคาซ่อมที่ได้อีกครั้ง

ระหว่างทาง ผมก็นั่งคิดวิเคราะห์ตลอดทางว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
จึงค่อยๆได้ข้อสรุปดังนี้
1. ด้วยสภาพคนขับ
ผมเพิ่งแวะจุดพักมาก่อนหน้านี้ ผมมั่นใจว่า ตอนนั้นผมไม่ได้หลับใน หรือเมาขับ 100% สติครบ32 มีสมาธิในการขับรถเต็มที่
ตอนนั้นเริ่มมืด แต่ผมก็เปิดไฟแล้ว  
แต่ผมก็ยอมรับว่า ข้อเสียของผมคือ ผมเป็นคนค่อนข้างขับรถเร็ว แต่ผมจะขับเร็วเมื่อมั่นใจว ่าควบคุมรถได้100% เท่านั้น
และในโค้งกว้างแบบนั้น ผมก็เคยขับที่ความเร็วมากกว่านี้ด้วยซ้ำ จึงมั่นใจว่า โค้งนี้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด
อีกอย่างผมเองก็ไม่ชำนาญทาง เพราะเพิ่งเคยขับเส้นนี้ครั้งแรก
2. สภาพถนน
ช่วงนั้นเป็นช่วงหลังฝนตก โอเค ถนนเปียก อาจเป็นสาเหตุ
รอยยุบตัวของถนน ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เนื่องจากรถมีการกระเด้ง ก่อนที่ท้ายจะปัด
แต่ ปัญหาสำคัญคือ แล้วทำไมคันอื่นไม่เป็นหละ ทำไมต้องเป็นรถผม
3. รถ
ผมเริ่มคิดว่า มีปัญหาอะไรกับรถก่อนหน้านี้หรือเปล่า
ก่อนเดินทาง ผมก็ตรวจเช็ครถตามปกติ น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ น้ำหม้อน้ำ ก็ตรวจสอบหมดแล้ว
แล้วผมก็ฉุกคิดได้อย่างนึง
- ก่อนเดินทาง ผมได้เอายางอะไหล่ออก เพื่อลดน้ำหนักตัวรถ ทำให้ประหยัดน้ำมันในการเดินทาง
- เนื่องจากยางรถผมค่อนข้างเก่า ผมจึงเติมลมยางค่อนข้างแข็ง (36) เพื่อป้องการแก้มยางฉีก กรณีกระแทกหรือตกหลุมแรงๆ

จึงเริ่มวาดภาพได้ว่า ตอนที่เร่งในช่วงโค้ง รถมีการกระดอน แต่เนื่องจากช่วงหน้ารถมีเครื่องยนต์ถ่วงไว้ ยางจึงหยุดกระเด้งเร็ว
ผิดกับข้างหลัง ซึ่งช่วงหลังเบากว่าช่วงหน้า เพราะหลังจากเอายางอะไหล่ออกไป ก็ไม่มีอะไรถ่วง ยางจึงหยุดกระดอนช้ากว่า
และด้วยแรงเหวี่ยงของรถขณะเข้าโค้ง ทำให้แถออกไปทางข้างอย่างรวดเร็ว
ยิ่งผมเติมลมยางแข็งเกิน ผลที่ได้คือ เส้นยางที่กระเด้งเหมือนลูกบอลที่เติมลมเต็ม!!

เมื่อทุกอย่างมาเจอกัน(ไม่รู้ทาง+ทางโค้งลื่น+ผิวถนนเสีย+รถเด้งเกิน)
ความซวยจึงบังเกิด

- จึงอยากฝากเป็นประสบการณ์ให้ทุกคนที่ผ่านเส้นทางนี้ ระวังถนนช่วงนี้ไว้ให้ดีคับ

อุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้มันเกิด แต่มันก็เกิดขึ้นอยู่เสมอ
- และการเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวรถ อย่ามัวคิดถึงแต่ข้อดีครับ ระวังข้อเสียของมันด้วย
- ที่สำคัญที่สุด ก่อนการเดินทางทุกครั้ง ศึกษาเส้นทางให้เรียบร้อย โค้งไหน ช่วงไหนอันตราย ให้มาร์คไว้ในแผนที่ด้วย
อย่ามาร์คแต่จุดพักรถ ร้านอาหาร และจุดชมวิว (เหมือนผม)
และขับรถด้วยความระมัดระวังเสมอ

สุดท้ายนี้ อยากให้สิ่งที่เกิดกับผมเป็น Case Study สำหรับทุกคนครับ
ผมไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดกับใครอีก
เพราะถ้ามันเกิดขึ้น เค้าอาจไม่แค่มือเคล็ดแบบผมก็ได้


ขอบคุณ
- กรมทางหลวง ที่ทำป้ายจำกัดความเร็วไว้ ถึงแม้ ผมไม่เคยใส่ใจมันเลยก็ตาม
เนื่องจากขับมานาน จึงมั่นใจกับการคาดคะเนด้วยสายตาตนเองมากกว่า
แต่หลังจากนี้ ความคิดผมเกี่ยวกับป้ายนี้ เปลี่ยนไปแน่นอน
ผมรู้แล้วว่า สายตาเราเอง บางที ก็เชื่อไม่ได้เสมอไป
(เพราะผมเหนแค่ว่าโค้งกว้าง แต่ไม่รู้สภาพพื้นถนน เรื่องเลยเกิดขึ้น)

- ขอบคุณเจ้ารถแพนด้าน้อยลูกพ่อ ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เจ้าไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย
และตอนนี้ เจ้าได้คุ้มครองชีวิตพ่อจนถึงที่สุดจริงๆ เจ้าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว

- พี่ๆทีมกู้ภัยท่าแซะทุกคน ที่อยู่รอประกันกับผม และพยามชวนผมคุยเพื่อจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
ถ้ามืดๆกลางป่ากลางเขาแบบนั้น ผมต้องนั่งรอประกันอยู่คนเดียว อาจจะช๊อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่านี้
พวกคุณคือฮีโร่จริงๆ

- พี่ๆประกันภัย ของบริษัทวิริยะ ที่ให้คำปรึกษาผมเรื่องหลักเกณชดเชย และยังไปส่งผมที่ บขส ด้วย

- อาจารตุ๋ยแห่ง mitsu sport ที่ให้คำแนะนำเรื่องการซ่อม และแนะนำอู่ในกรุงเทพให้ครับ

- ขอบคุณ
www.lancer-club.net และพี่ๆน้องๆทุกคนในบ้านอันอบอุ่นหลังนี้
ถึงแม้ผมจะเป็นสมาชิกได้ไม่นาน แต่เวบแห่งนี้ ก็ได้ให้อะไรกับผมหลายอย่าง

พวกคุณจะอยู่ในใจของผมเสมอ

- สุดท้าย ผมขอขอบคุณพระเจ้า ที่ให้ผมรอดชีวิต มาเล่าประสบการณ์ครั้งนี้ และได้ให้โอกาสเพื่อเตือนสติผู้อื่น
หาไม่แล้ว ผมคงเหมือนคนอื่นๆ ที่เจอเหตุการณ์ร้ายแรงที่โค้งนี้ แต่ไม่มีโอกาสกลับมาถ่ายทอดให้คนอื่นฟัง
หรือหากจุดเกิดเหตุ มีต้นไม้ หลักกิโล ขวางอยู่ หรือฟาดกับเหล็กกั้นทางผิดเหลี่ยมอีกนิดเดียว
ผมคงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว

- ขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง ที่ไม่ให้ใครเดินทางมาร่วมกับผม เพราะดูจากสภาพรถ ถ้ามีใครนั่งมาด้วย คงไม่รอด

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผมรู้ว่า อย่าใช้ชีวิตบนความประมาท อะไรก็เกิดขึ้นได้
แค่กระพริบตาทีเดียว วิญญานของเราก็มีสิทธ์หลุดไปจากร่างได้แล้ว


และถ้าไม่เป็นการรบกวน
ผมอยากให้กระทู้นี้ ถูกปักหมุดไว้ เพื่อที่คำที่ผมเล่าและสิ่งที่ผมเตือน จะได้ไม่ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา

และผู้ที่อ่านกระทู้นี้ หากสละเวลา Forwardไปให้ผู้อื่นรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้คุณจะช่วยได้อีกหลายชีวิตที่ต้องผ่านเส้นทางนั้นครับ
 
 
' Please keep your inbox empty to keep your membership status active. '
 

No comments: