Tuesday, May 20, 2008

:: u n z e e n :: ทำไมนากิสถึงไม่พัดเข้าประเทศไทย?

[]

[] 
 

ขออนุญาตนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเล่าสู่กันฟังครับ

 

เมื่อวันศุกร์ผมได้มีโอกาศได้เข้าค่ายที่ศูนย์ฝึกทหารของค่ายนเรศวร
วันแรกที่เข้าไปก่ะบรรยากาศครึ้มๆ ผมก็ว่าเอ... แปลกๆ นะ
ทำไมอากาศอบอ้าวเหมือนจะมีฝน แต่ก็คิดว่าคงเป็นไปตามสภาพอากาศ
พอไปถึงก็ทำกิจกรรมจนได้เข้าหอประชุมตอนดึกใกล้เวลานอนมากแล้ว

อาจารย์เอกราช ท่านได้มาพูดถึงเรื่องของฝนที่ตกนี้ว่า

'ก่อนหน้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงให้คณะทำงานเกี่ยวกัยฝนเทียม
รีบทำฝนเทียมเพื่อเป็นแนวกันลมพายุดีเปรสชั่น ซึ่งตอนนั้นยังไม่เกิดขึ้น
แต่พระองค์ทรงเหมือนกับเทวดาองค์นึงที่ทราบเรื่องนี้ก่อน

ถามว่าตอนนั้นกรมอุตุรู้เรื่องนี้ไม๊ ..
ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดพายุที่ประเทศเมียนม่า (พม่า) ด้วยซ้ำ

พอคณะทำงานด้านฝนเทียมทำงานเสร็จ ด้วยความสำเร็จ...
ผลงานที่พระองค์ได้ทำ ก็ก่อให้เกิดผล เกิดพายุอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ ที่พม่า
และพายุนี้ก็ได้สร้างความเสียหาย
และสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศเมียนมาร์ (พม่า)
จนทำให้เกิดความสูญเสียอันมหาศาลกับประเทศอันเคยเป็นอริกับเรา ..
แต่สำหรับประเทศไทย แนวกำแพงฝนเทียมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ได้ทรงสร้างไว้ก็ทำให้เกิดฝนตกเพียงเล็กน้อย
ถ้าเทียบกับพายุที่จริงๆแล้วสามารถสร้างความเดือดร้อนกับประเทศได้มาก

พอผมได้ทราบผมถึงกับอึ้งขนลูกซู่กับสิ่งที่พระองค์ได้ทำไว้ให้กับประเทศของเรา
ถึงแม้นจะเป็นเรื่องที่ดีที่ทราบเรื่องนี้
แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ผมสะเทือนใจกับสิ่งที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้

 

วันที่ 2 ที่เข้าค่าย ครูฝึกได้เปิดวีซีดีเกี่ยวกับพระองค์ให้ดู
ผมก็ดูไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนึงที่เค้าตัดเอาตอนที่พระองทรงเสด็จพระราชดำเนิน
เพื่อไปส่งเหล่ากษัตริย์จากต่างประเทศ
คณะทูตที่มาเข้าเฝ้าในงานฉลองศิริราชสมบัตครบ 60 พรรษา
ภาพที่ทำให้ผมปวดจี๊ดขึ้นมาในหัวใจก็คือ

ตอนที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินลงบันได

(ขอโทษครับพอดีไม่ทราบว่าเขียนยังไง) พระองค์เกือบหกล้ม
ดีที่ทหารรักษาพระองค์ที่เดินนำหน้าคอยประคองพระองค์ไว้

พอพระองค์ทรงยืนได้ ก็ปัดมืออก ผมไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสตรงนั้นทันทีไม๊
หรือตรัสกับคนสนิทในภายหลังว่า

"ไม่ต้องมาพยุงเรา เราจะเดินให้คนทั่วโลกได้เห็นว่า เราเดินได้
ให้คนทั่วโลกได้เห็นว่าเราสามารถปกครองคน64ล้านคนด้วยตัวของเราเองได้"

ถึงตอนนี้แล้ว ..น้ำตาผมคลอเบ้า คนที่ดูกันก็สะอึ้นกันไปหลายคน
ทุกๆคนในที่นั้นเงียบหมดกับคำพูดที่พระองค์ได้ตรัสไว้
ผมได้ยินเสียงกระซิบจากเพื่อนข้างๆว่า สงสารพระองค์ที่ต้องมาทรงงานอย่างหนัก
ถึงแม้นจะอายุเยอะแล้ว แต่พระองค์ก็ยังทรงรักและเป็นห่วงลูกหลานของพระองค์
ลูกๆหลานๆที่อยู่ในประเทศนี้ ท่านทรงงานทุกอย่างเพื่อให้คนในประเทศได้สบาย
เพื่อคนในประเทศได้อยู่ดีกินดี

 

อาจารย์ได้บอกกับพวกเราเมื่อวีซีดจบว่า
พระองค์เหมือนฝนที่ทำให้ประเทศร่มเย็น
เหมือนเทวดาที่ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนที่นั่นจะชุ่มฉ่ำ
ที่ๆ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปจะพบแต่ความสงบสุข
มีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร
ท้ายสุดนี้ผมอยากจะบอกพระองค์หากแม้นมีใครผ่านมาอ่าน
ถึงจะเป็นคำพูดที่อาจจะได้ยินมาบ่อยๆ
แต่ผมก็ไม่สามารถจะคัดกรองคำพูดใดๆ มาพูดได้อีกนอกจาก

"ขอพระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชา
เป็นร่มโพธิทองของเหล่าปวงชนชาวไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญตราบนานเท่านาน"

No comments: