Thursday, July 10, 2008

:: u n z e e n :: รู้สึกผิด

[]

[]
 
 
รู้สึกผิด
 

ในชั้นเรียนศึกษาผู้ใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ทำสิ่งที่ "ให้อภัยไม่ได้" อย่างหนึ่ง
 ผมให้การบ้านนักเรียนไป การบ้านที่ให้คือ
  "ไปหาใครสักคนที่คุณรักภายในสัปดาห์หน้า และบอกเขาว่าคุณรักเขา
  ต้องเป็นคนที่คุณไม่เคยพูดคำนี้มาก่อน
  หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่คุณไม่เคยพูดคำนี้มานานแล้ว"

  งานนี้ฟังดูไม่น่าจะลำบากยากเย็นอะไรนัก
  จนกระทั่งคุณหยุดคิดได้ว่าคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้อายุมากกว่า 35 ปีแล้ว
  และได้รับการเลี้ยงดูในรุ่นที่ถูกสอนมาว่า
การแสดงอารมณ์ออกมาอย่างเปิดเผยนั้น 
ไม่ใช่ 'ลูกผู้ชาย'
การแสดงความรู้สึกหรือการร้องไห้ทำไม่ได้
  ดังนั้นนี่จึงเป็นงานที่สร้างความทรมานใจสำหรับบางคนมาก 

ต่อมาตอนเริ่มชั่วโมงเรียน
  ผมถามว่าใครต้องการเล่าสู่กันฟังบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนบอกคำนี้กับคนที่เรารัก
ผมหวังเอามากๆว่าคงจะมีใครสักคนอาสาสมัครแน่ เพราะปกติจะเป็นอย่างนั้น

  แต่เย็นวันนี้กลับมีผู้ชายยกมือเพียงคนเดียว
ดูเขากระตือรือร้นมาก และตัวสั่นเล็กน้อย

  เขาเริ่มด้วยการพูดว่า "เดนนิส สัปดาห์ก่อน ผมโกรธคุณมาก
ตอนที่คุณให้งานนี้กับเรา

  ผมรู้สึกว่าไม่รู้จะพูดคำนั้นกับใครดีและยิ่งกว่านั้นคุณเป็นใครถึงมาสั่งให้ผมทำเรื่องส่วนตัวอย่างนั้น
แต่พอผมเริ่มขับรถกลับบ้าน

 สำนึกของผมก็เริ่มพูดกับผม มันบอกผมว่า
 ผมรู้ดีอยู่แล้วว่าผมอยากจะพูดว่าผมรักคุณกับใคร..
ปีก่อนนั้นผมกับพ่อมีความเห็นไม่ตรงกันอย่างรุนแรง
  และไม่เคยปรับความเข้าใจกันได้อีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น 


เราหลีกเลี่ยงการเจอหน้ากัน แทบจะไม่พูดกันเลย
  ดังนั้นวันอังคารที่ผ่านมาตอนกลับบ้านผมก็ยืนยันกับตัวเองว่าผมจะบอกพ่อว่า
  " ผมรักท่าน"
  ผมแทบบ้า
 แต่ตัดสินใจจะทำก็เหมือนจะช่วยยกภูเขาออกจากอกยังไงยังงั้น... 
 
พอถึงบ้าน ผมก็รีบเข้าบ้านเพื่อบอกภรรยาว่าผมจะทำอะไร
 เธอเข้านอนแล้ว
  แต่ผมปลุกให้เธอลุก พอผมบอกเธอ เธอไม่ใช่แค่ยันตัวลุกขึ้น
  แต่เธอถึงกับเด้งผึงมา แล้วกอดผม
  และเป็นครั้งแรกในชีวิตแต่งงานของเราที่เธอเห็นผมร้องไห้
 เราอยู่ด้วยกันจนดึก
  ดื่มกาแฟและคุยกัน เยี่ยมมากทีเดียว 
 
"เช้าวันต่อมา ผมตื่นแต่เช้าตรู่ด้วยความแจ่มใส
  ผมตื่นเต้นมากจนแทบจะไม่ได้หลับได้นอน ผมไปที่ทำงานแต่เช้า
  และรีบทำงานได้มากขึ้น ซึ่งเสร็จภายใน ชม.แทนที่จะต้องใช้เวลาทั้งวันเหมือนก่อน" 

  "5 โมงครึ่ง ผมก็กดกริ่งอยู่หน้าบ้านท่าน
 ในใจภาวนาว่าพ่อคงมาเปิดประตูเองนะ
  ผมกลัวว่าถ้าแม่มาเปิด ผมคงปอดแหกบอกแม่แทน
  แต่โชคดี..พ่อมาเปิด..ผมไม่ยอมเสียเวลา ก้าวเข้าไปในบ้านก้าวหนึ่ง
 และพูดว่า
  'พ่อ..ผมแค่แวะมาบอกว่าผมรักพ่อ'"
  "ราวกับความเปลี่ยนแปลงโถมเข้าหาพ่อยังงั้น
 สีหน้าท่านอ่อนโยนลงทันทีดูเหมือน
  ความยากลำบากจะอันตรธานไป และท่านก็เริ่มร้องไห้เดินมากอดผม
 และพูดว่า..
  'พ่อก็รักแก ลูก แต่พ่อไม่เคยพูดออกมา'"
  " เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากจนผมแทบไม่อยากขยับตัว
 แม่เดินน้ำตาคลอเบ้าออกมา
  ผมโบกมือและเอียงแก้มให้ท่านจูบ เรากอดกันอยู่ครู่หนึ่ง
  แล้วผมก็จากไป
  ผมไม่เคยรู้สึกดีๆแบบนี้มานานมาก ๆ"
  "แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญของผม.. 2 วันหลังจากผมไปเยี่ยมท่าน
  พ่อของผม ซึ่งเป็นโรคหัวใจ แต่ไม่เคยบอกผม ก็หัวใจล้มเหลว และต้องเข้าโรงพยาบาลโดย
  ไม่รู้ตัว.. ผมไม่รู้ว่าแกจะหายดีหรือเปล่า
  ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากจะบอกคุณทุกคนใน ห้องเรียนนี้ก็คือ
  หากคุณรู้ว่าอะไรควรทำ ก็อย่ารีรอ อะไรจะเกิดขึ้น
 ถ้าผมรีรอที่จะบอกพ่อ
  ผมอาจไม่มีโอกาสอีกเลย... จงทำสิ่งที่คุณต้องการจะทำ และทำเดี๋ยวนี้"
  เคยบอกคนที่เราแคร์แล้วหรือยังละ? ไม่ว่า พ่อแม่? พี่น้อง? เพื่อน?

 
   

No comments: