Thursday, October 30, 2008

:: u n z e e n :: รองเท้าสไตล์เท่ห์

[]

Wednesday, October 29, 2008

:: u n z e e n :: ไอเดียหลังกินเสร็จ

[]

:: u n z e e n :: น้องหมาหัวเราะตอนไหน??

[]


~ รู้หรือเปล่าว่าน้องหมาหัวเราะตอนไหน ~



น้อง หมาถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่หลาย ๆ คนนิยมเลี้ยง ทั้งเอาไว้เฝ้าบ้าน หรือเอาไว้เป็นเพื่อนเล่น บางคนอาจจะคิดว่าน้องหมานั้นเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดา ๆ ที่ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษมากไปกว่าเป็นความน่ารักของมัน แต่อันที่จริงแล้วน้องหมาเองก็มีการแสดงความรู้สึก หรืออารมณ์ออกมาได้เหมือนกันคนเราด้วยนะคะ


แพทริเซีย ไซมอนเน็ต (Praticia Slimonet)ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ชาวอเมริกัน พบว่าสุนัขจะหัวเราะก็ต่อเมื่อเราถามมันว่า "ไปเดินเล่นด้วยกันไหม" และ เมื่อเรากลับถึงบ้านมันจะร้องทักทายด้วยความดีใจ ซึ่งโดยธรรมชาติของสุนัขมีแนวโน้มที่จะหัวเราะในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไร้สาระ หรือเมื่อมันหลอกเจ้าของได้

แพทริเซียเคยมีสุนัขตัวหนึ่งชื่อ โทมัส มันมักกระดิกหางอยู่เสมอ เพื่อเชื้อเชิญให้เด็ก ๆ มาเล่นกับมัน เมื่อเด็ก ๆ เข้ามาใกล้ มันจะกระโจนขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเสียงร้องออกมา ตามด้วยเสียงหัวเราะ "บ๊อก ๆ" แล้ว มันจะนอนหงายหลังลง ซึ่งเด็ก ๆ ก็จะหัวเราะชอบใจ ในท่าทางของมันและนั่งเล่นไปกับมันด้วย แต่มันเลือกเล่นเฉพาะกับเด็กวัยรุ่นเท่านั้น เพราะเด็กเล็ก ๆ อาจจะตกใจกลัวได้


เห็นมั้ยค่ะ ว่าน้องหมาเองไม่ใช่แค่ดีแต่น่ารักไปวัน ๆ นะ เพราะมันเองก็มีการคิดด้วยเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรให้คนรอบข้างสนใจมันได้ บ้าง เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ที่นี่คนไหนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้ที่บ้านก็อย่าลืมหาเวลามาเล่นกับมันบ้าง นะคะ

:: u n z e e n :: ถ้าไม่แบกก็คงไม่หนัก

[]

พระบวชใหม่รูปหนึ่งเดินบิณฑบาตผ่านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนจอแจ ขณะเดินสำรวมก้มหน้าแต่พอประมาณเพื่อเดินผ่านชุมชนไปอย่างช้าๆ นั่นเอง จู่ๆ มีชายผู้หนึ่งใส่สูท ผูกเนคไท สวมแว่นตาดำ เดินเข้ามาหาท่าน พร้อมชี้หน้าด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสีย

 

พระรูปนั้นตกตะลึง รีบเดินหนี แต่แม้ท่านจะเดินหนีชายคนนั้นพ้นแล้ว แต่เสียงด่าทอของเขายังก้องอยู่ในโสตประสาทของท่านอย่างชัดถ้อยชัดคำ เมื่อกลับมาถึงวัด พลันที่คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกชี้หน้าด่ากลางฝูงชน พระหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ ยิ่งคิดต่อไปว่าชายคนนั้นมาชี้หน้าด่าตนซึ่งเป็นพระ และตนก็จำได้ว่าตั้งแต่บวชเข้ามาในพระธรรมวินัย ก็ยังไม่เคยทำอะไรผิด คิดมาถึงขั้นว่าตนไม่ผิด แต่ทำไมตนต้องถูกด่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแค้น วันที่ท่านถูกด่ากลางชุมชนนั้นเป็นวันศุกร์ แต่ตกถึงเช้าวันจันทร์ท่านก็ยังไม่หายโกรธ

 

เช้าวันจันทร์นั้น พระบวชใหม่ประคองบาตรเดินผ่านชุมชนนั้นเหมือนเดิม ท่านพยายามสอดส่ายสายตามองหาชายคนเดิม ตั้งใจว่าวันนี้ จะต้องถามให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงมาชี้หน้าด่าตนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

 

ยิ่งพยายามค้นหา กลับยิ่งไม่พบ ท่านจึงเดินสำรวจรับอาหารบิณฑบาตต่อไป จนได้อาหารเต็มบาตรแล้วจึงเดินกลับวัด ระหว่างทางกลับวัด โดยไม่คาดฝัน พระหนุ่มทอดสายตาไปพบกับชายคนหนึ่ง สวมสูท ผูกเนคไท ใส่แว่นตาดำ ท่านอุทานในใจว่า 'อ๋อ เจ้าคนนี้เองที่ด่าฉันเมื่อวันศุกร์ ' ที่เห็นคือ ชายแต่งตัวดีคนนั้น นอนหลับหมดสติอยู่ข้างศาลเจ้าแม่แห่งหนึ่ง ข้างๆ ตัวเขามีขวดเหล้าล้มกลิ้งอยู่ พอท่านพยายามเดินเข้าไปมองใกล้ๆ เขาจึงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอเห็นท่านเท้านั้นชายคนนั้นก็ร้องขึ้นมาว่า 'ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้าฯ บัดนี้พระองค์ทรงกลับมาครองพาราณสีอีกครั้งหนึ่งแล้วกระนั้นหรือ …' ว่าแล้วก็ลุกขึ้นรำเฉิบๆ พลันที่ท่านประเมินได้ว่าชายแต่งตัวดี คนที่ชี้หน้าด่าท่านเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเป็นคนบ้าที่มาในร่างของคนแต่งตัวดีเท่านั้น

 

ความโกรธที่ก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึนอยู่ในใจของท่านมานานถึงสามวันก็อันตรธานไปอย่างง่ายดายชนิดไร้ร่องรอย

 

ทำไมเราจึงปล่อยวางต่อคนบ้าได้ง่ายดายเหลือเกิน แต่กับคนปกติ ทำไมเราจึงมีความรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องราวให้ถึงที่สุด เราบ้าหรือเปล่า?

 

ที่สุดของการถือสา

เคยมีคนกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ถ้าหากจะย่อหลักธรรมของพระองค์ให้เหลือเพียงสั้นๆ ทว่าครอบคลุมใจความทั้งหมดแห่งพระพุทธศาสนา จะสรุปได้ว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า หากจะให้สรุปเช่นนั้น ก็ขอสรุปว่าใจความแห่งคำสอนของพระองค์ขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า

 

' สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น '

 

ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์

ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด

ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์มาก ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์

ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ' การปล่อยวาง '

ทำไมจึงต้องปล่อยวาง เพราะทุกอย่าง ' มีความว่าง ' มาแต่เดิม

คนที่หลงกอด ' ความว่าง ' โดยคิดว่าเป็น ' ความมี '

ทำไมจะไม่ทุกข์ล่ะ

 

หลายคนชอบกอดไว้หมดทุกเรื่อง ทุกปัญหา ทุกคน แล้วยกขึ้นไปแบกไว้บนบ่า

จากนั้นก็มานั่งเป็นทุกข์ว่า

ทำไมชีวิตถึงได้เหนื่อยล้าขนาดนี้ หมดเรี่ยวหมดแรง เหมือนโลกทั้งโลกกำลังกดทับ

ก็เล่นถือเอาทุกเรื่อง เป็นเรื่องของตัวหมดเลยนี่

ถ้าไม่แบกเอาไว้ก็คงไม่หนัก ถ้าไม่ถือเอาไว้ก็คงไม่เหนื่อย

 

แต่ก็นั่นแหล่ะ บางคน ' วาง ' ไม่เป็น มีจิตฟุ้งซ่าน

ต้องการจะเป็นธุระไปเสียทั้งหมด

ก็ต้องแลกเอากับผลลัพธ์ที่ทำให้ทุกข์

:: u n z e e n :: โคมไฟเก๋ๆ

[]

Tuesday, October 28, 2008

:: u n z e e n :: รถเปอร์โยต์ จากการประกวดการออกแบบ

[]

:: u n z e e n :: พาเสือว่ายน้ำ น่ารักยังกะแมว

[]

:: u n z e e n :: ผู้หญิงเข้าใจยากจริงหรือ

[]

≈♥♥≈ ผู้หญิงเข้าใจยากจริงหรือ!? ≈♥♥≈

"ผู้หญิง 3 แบบที่คุณอาจไม่เข้าใจ"

หลายครั้งที่ผู้หญิงมักแสดงอาการแปลก ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ โดยเฉพาะในยามที่รู้สึกไม่พอใจกับอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรัก เมื่อใดก็ตามที่ผู้หญิงรู้สึกว่าคนรักของตนเปลี่ยนแปลงไป โดยสงสัยว่าอาจจะมีใครอีกคนเข้ามาทำให้เค้าเปลี่ยนไป การแสดงออกของแต่ละคนจะแตกต่างกัน

แบบที่ 1 ระเบิดอารมณ์

ผู้หญิงแบบนี้มักจะเก็บอารมณ์ไม่ค่อยได้ จะต้องซักถามเอาคำตอบทันที บางรายจะชวนทะเลาะ แสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด และคาดคั้นเอาคำตอบ พูดกันจนกว่าจะเคลียร์ ถ้าหากพูดกันไม่จบก็อาจจะมีการไปราวีบุคคลที่ 3 หรือกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตตามมา (ประเภทแฟนข้าใครอย่าแหยม แต่ถ้าข้าไม่ได้ ใครก็อย่าหวังจะได้เลย เอากันให้ตายไปข้าง)

แบบที่ 2 คิดมากและน้อยใจคนเดียว

ผู้หญิงแบบนี้มักจะเป็นคนคิดมาก และแอบน้อยใจคนเดียว จนกลายเป็นไม่มีความสุข และรู้สึกว่าตนเองไร้ความสำคัญ หรืออีกฝ่ายหมดรักตัวเองแล้ว มักจะไม่แสดงออกโดยตรง แต่จะมาในรูปของการงอน เงียบ หลบหน้าหลบตา ไม่รับโทรศัพท์ หรือขาดการติดต่อ แต่จะไม่ตีโพยตีพาย บางรายหากแน่ใจว่าคนรักไม่รักตนอีกแล้วก็จะตัดใจและจากไปเงียบๆ โดยไม่มีคำร่ำลา (เพราะทำใจไม่ได้และเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดกัน หากเค้าหมดรักก็ไม่อยากที่จะรั้งเอาไว้ เพราะมีแต่จะเสียใจไปเปล่า ๆ)

แบบที่ 3 ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผู้หญิงแบบนี้ จะไม่ตีโพยตีพายตั้งแต่แรก แต่จะคอยสังเกตพฤติกรรมเงียบ ๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว เมื่อพบว่าตัวเองเข้าใจผิดก็จะเฉยซะ แต่ถ้าเข้าใจถูกก็จะเปิดใจพูดกัน หากฝ่ายชายเคลียร์ตัวเองได้ก็จบ ไม่เช่นนั้นก็อาจต้องเลิกรากันไป (เพราะผู้หญิงแบบนี้มองว่าตัวเองก็มีศักดิ์ศรี เมื่อเขามีคนอื่นแล้ว ก็ไม่ควรจะเสียเวลากันต่อไปอีก สู้หาแฟนใหม่มาดามใจดีกว่า)

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม คุณผู้ชายทั้งหลายก็ควรจะระวังเอาไว้ อย่าปล่อยให้ความระแวงเข้ามาในใจแฟนของคุณ ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเสียคนที่คุณรักไปก็ได้ มีอะไรก็พูดอธิบายให้คนรักของคุณเข้าใจ เพราะบางทีสิ่งที่คุณคิดว่าไม่มีอะไร อาจจะกลายเป็นสิ่งที่กำลังทำลายความรักของคุณอยู่ก็ได้

:: u n z e e n :: คำดีดีของวินทร์ เลียววาริณ

[]